วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การดูแลฟันสำหรับผู้ใหญ่

วันนี้มีขอแนะนำการดูแลฟันสำหรับผู้ใหญ่หน่อยนะครับ ซึ่งวิธีการดูแลนั้นไม่ได้ยากเลย ลองอ่านดูนะครับ

การดูแลฟันที่ดีจะทำให้ท่านมีสุขภาพฟันและเหงือกที่แข็งแรงและเสริมความมั่นใจเมื่อเวลาออกสังคม การดูแลฟันในวัยนี้ประกอบด้วย


สภาพฟันและเหงือกที่แข็งแรง


สภาพฟันที่มีคราบหินปูนและมีฟันผุ


อาหาร

น้ำตาล ยังคงเป็นสาเหตุที่สำคัญของฟันผุ เนื่องจากวัยนี้ต้องออกนอกบ้านไปเรียนหนังสือหรือทำงาน ดังนั้นต้องรับประทานอาหารนอกบ้านไม่สามารถควบคุมอาหารได้ ดังนั้นท่านต้องพยายามเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลให้มากที่สุด เลือกอาหารที่มีน้ำตาลต่ำ เลือกของว่างที่มีน้ำตาลต่ำเช่นผลไม้บางชนิด เช่นฝรั่ง แตงโม ชมพู่ ท่านอาจจะเคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาลซึ่งอาจจะช่วยลดการเกิดฟันผุได้บ้าง

เครื่องดื่ม

หลีกเลี่ยงน้ำอัดลม น้ำหวาน หรือน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวให้ดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำดังกล่าว

การดูแลฟัน

* แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง
* ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์
* ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง
* ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรค์

พบทันต์แพทย์ตรวจฟันอย่างน้อยปีละครั้ง

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วิธีเลือกซื้อกางเกงยีนส์ให้ถูกใจ



ลุย เท่ห์ เฉี่ยว กระฉับกระเฉง นี่คือนิยามที่ผมยกให้กับเจ้ากางเกงยีนส์ตัวโปรดของผมเลยครับ ก็คงไม่มีใครหรอกนะครับ ที่ยังไม่เคยมีกางเกงยีนส์เป็นของตัวเอง เชื่อเถอะครับ ว่าต้องมีอยู่ติดตู้ของคุณๆ ทุกคนแน่นอน แต่จะใส่บ่อยหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนละกันครับ

วันนี้ เลยมีเคล็ดลับในการเลือกซื้อกางเกงยีนส์มาฝาก อาจจะเคยผ่านตามาบ้างแล้วก็ตาม หรือถ้าใครยังไม่เคยอ่าน ก็เชิญอ่านได้เลย

วิธีการเลือกซื้อกางเกงยีนส์ให้ถูกใจ

1. เลือกซื้อไซส์เล็กกว่าขนาดจริง 1 เบอร์ อย่าเพิ่งคิดว่าจะฟิตเกินไป เพราะเมื่อใส่ไปสักพัก เนื้อผ้าจะขยายออก 10%
2. ถ้าเจอตัวที่ถูกใจซื้อไว้เลย 2 ตัว ตัวแรกตัดให้พอดีข้อเท้า ไว้ใส่กับรองเท้าส้นแบน อีกตัวทิ้งความยาวปลายขาไว้ เพื่อใส่กับรองเท้าส้นสูง
3. เลือกกางเกงยีนส์แบบซิป เพราะใส่ง่ายและแนบกับสรีระมากกว่าแบบกระดุม
4. อย่าลืมเอาเข็มขัดไปด้วย เพื่อลองกางเกงพร้อมกับเข็มขัด จะได้รู้ว่าใส่พอดีและเข้ากันดีหรือไม่
5. นำไปซักก่อนการแก้ไขใดๆ เพราะหลังจากการซักกางเกงยีนส์อาจหดตัว ทำให้ขนาดเปลี่ยนไป
6. รักษาตะเข็บที่ปลายขาไว้ การตัดขากางเกงแบบต่อปลายตะเข็บเดิม อาจแพงกว่า แต่ก็ช่วยให้กางเกงตัวเก่งของคุณสวยสมบูรณ์แบบ
7. ซักด้วยน้ำเย็นทุกครั้ง เพราะน้ำอุ่นจะทำให้กางเกงยีนส์หดตัว อย่าลืมกลับด้านก่อนซักเพื่อป้องกันสีซีดจาง
8. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะสารเคมีอาจทำลายสีของกางเกงให้ซีดจาง
9. อย่ารีดด้วยความร้อนสูง เพราะความร้อนอาจทำให้เนื้อผ้าหดตัว
10. ซักแห้งดีที่สุด เพราะช่วยให้สีของกางเกงยีนส์ยังคงเดิมอยู่เสมอ (โดยเฉพาะสีเข้ม)

ลองเอาวิธีที่เอามาฝาก ไปใช้ดูนะ :)

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552

วิธีช๊อปปิ้ง ให้ถูกใจ

สวัสดีครับ วันนี้ขอนำเสนอความรู้สาระสำหรับสาวๆหรือผู้ชายที่ชอบช๊อปปิ้งอย่างผม
เคยสังเกตมั้ยครับว่าเวลาไปช๊อปปิ้งกลับมาแล้ว ลองกลับมานับสิครับว่ามีของสักกี่ชิ้นที่เราซื้อมาเพราะเราชอบจริงๆ

วันนี้ผมเลยไปหาวิธีที่จะทำให้เราช๊อปปิ้งได้ของที่ถูกใจจริง ไม่ใช่ซื้อเพราะโดนยุ โดเจ้าของร้านเชียร์ให้ซื้อ
ลองอ่านกันดูนะครับ แล้วนำไปปฏิบัติด้วยนะครับ

วิธีชอปปิ้ง ให้ถูกใจ

(1). ลิสท์รายการสินค้าที่ต้องการก่อนการซื้อ
• การไปซื้อของโดยไม่มีรายการ "ของต้องซื้อ" มักจะทำให้เสียเวลาอยู่ที่ร้านนานขึ้น ซื้อของมากขึ้น และจ่ายมากขึ้นด้วย
• ทางที่ดีคือ จดไปก่อนว่า ต้องการอะไร ซื้อของตามรายการ และรีบออกไปก่อนที่รายจ่ายจะ "บานปลาย"

(2). เก็บข้อมูลโปรโมชั่นหรือกิจกรรมของสินค้า
• สินค้าตัวไหนที่ใช้เป็นประจำ เราควรจดบันทึกไว้ว่าช่วงไหนเป็นช่วงโปรโมชั่น ช่วงไหนมีแกรนด์เซลล์ เพื่อที่จะได้ไม่พลาดโอกาส ซื้อของในช่วงลดราคา เช่น ห้างสรรพสินค้า บางห้าง จะมีช่วงแกรนด์เซลล์ หรือ สินค้าประเภทเครื่องสำอางจะมีจัดเป็นบิวตี้เซท ในราคาพิเศษช่วงคริสต์มาส เป็นต้น

(3). สะสมคูปองลดราคา
• ดู รายการลดราคาสินค้าในโบว์ชัวร์ หรือนิตยสาร ก่อนไปซื้อของ... ถ้าพบรายการสินค้าลดราคา หรือคูปองลดราคา อย่าลืมตัดเก็บ และนำไปเป็นหลักฐานด้วยเสมอ

(4). อย่าด่วนตัดสิน
• ซูเปอร์ มาร์เกตมักจะแบ่งเป็น 2 ประเภทได้แก่ ประเภท "ถูกทุกวัน กับประเภท "ราคาขึ้นๆ ลงๆ ซึ่งอาจมองดูหรูกว่าสักหน่อย ทำให้พวกเรามักจะพิพากษา หรือตัดสินไว้ก่อน ว่า "ร้านนี้แพง"
• ซูเปอร์ มาร์เกตประเภท "ถูกทุกวัน มักจะตั้งราคาให้ต่ำหน่อยตลอดปี ทำให้เป็นร้านค้ายอดนิยม ทว่า... ถ้าติดตามข้อมูลข่าวสารดีๆ เช่น หนังสือพิมพ์ ฯลฯ ร้านค้าที่ดูหรู ก็มีช่วงลดราคาเหมือนกัน และมักจะลดราคาต่ำกว่าร้านประเภท "ถูกทุกวัน" เสียด้วย

(5). หัดสังเกต ตรวจตรา
• สินค้า แพงๆ มักจะตั้งไว้ตรงกลาง หรือที่ๆ เดินเข้าไปแล้ว "เตะตา" หรืออยู่ "พบเห็น" ตั้งแต่แรก ของที่ถูกหน่อยหรือแบรนด์ ที่ไม่ดังเท่าไหร่มักจะอยู่บริเวณ "ชายขอบ" หรือ "บริเวณชายแดน" (ขอบนอก) ของร้าน
• เพราะ ฉะนั้นไม่ว่าจะซื้ออะไร... อย่าลืมสำรวจสินค้ากลุ่มเดียวกันให้หมด (ซ้ายสุดจรดขวาสุด) แล้วเปรียบเทียบกันก่อนว่า แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน อย่าเพิ่งซื้อสินค้าชนิดแรกที่ "สบตา" กันพอดี

(6). มองสูง แล้วมองต่ำ
• สินค้าที่อยู่ในระดับสายตามักจะต้องเสียค่า "ขึ้นหิ้ง" สูงกว่าสินค้าที่อยู่สูงกว่า หรือต่ำกว่าระดับสายตา
• เวลา ซื้อของ... อย่าลืมมองให้สูงขึ้น (สูงกว่าระดับสายตา) และมองให้ต่ำลง (ต่ำกว่าระดับสายตา) เพราะนั่นอาจทำให้พบสินค้าที่มีคุณภาพดี "ในราคาที่ประหยัดกว่า" ได้

(7). สินค้าขนาดเล็กประหยัดกว่า
• สินค้าแพ็ค (pack = ขนาดบรรจุภัณฑ์ ขนาดสินค้า) ใหญ่มักจะประหยัดกว่าแพ็คเล็กก็จริง แต่ก็ไม่เสมอไป
• วิธี ที่ดีคือ ให้พกเครื่องคิดเลข โทรศัพท์มือถือที่มีเครื่องคิดเลขไปด้วย แล้วคำนวณดูว่า แพ็คขนาดใดประหยัดกว่า ซึ่งอาจจะพบว่า ขนาดใหญ่ไม่ได้ประหยัดกว่าเสมอไป
• สินค้า หลายอย่างซื้อทีละน้อยประหยัดกว่า โดยเฉพาะอาหารจานด่วน (ฟาสต์ฟูด) และขนมสำเร็จรูป... เนื่องจากคนเรามีแนวโน้มจะ "กินทีเดียวหมดเลย" แพ็คใหญ่ทำให้อ้วนได้ง่ายกว่า และลดความอ้วนได้ยากกว่าด้วย

(8). ใช้เครดิตการ์ดดีไหม
• ร้านค้าหลายแห่งมีสิทธิประโยชน์ให้คนที่ใช้บัตรสมาชิกได้รับส่วนลด หรือสิทธิพิเศษ ซึ่งควรศึกษาดูว่า คุ้มไหม
• คน ที่ "ใช้บัตร (เครดิต)" แล้วคุ้มมักจะเป็นคนที่มีฐานะการเงินมั่นคง (มีเงินเก็บอย่างน้อย 6 เดือนของรายจ่ายประจำ) มีรายได้ประจำสม่ำเสมอ ไม่มีหนี้ และอายุมากกว่า 35 ปี (คนที่อายุเกิน 35 ปีมักจะระมัดระวังเรื่องการเงินมากกว่าคนที่อายุน้อยกว่านี้)
• คน ที่ "ใช้บัตร (เครดิต)" แล้วขาดทุน หรือพอพกบัตรแล้ว "มือเติบ" ใช้เงินเกินตัว... มักจะขาดคุณสมบัติข้างต้น เป็น "คนรวยใหม่ (nouveau riche)" เช่น เพิ่งถูกลอตเตอรี เพิ่งได้รับมรดก เพิ่งมีฐานะดีขึ้น (เช่น อยู่ๆ ก็ขายที่ดินได้เป็นกอบเป็นกำ ฯลฯ) คนที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน

(9). หีบห่อสวยหรู ราคาก็หรูตาม
• ผักผลไม้และสินค้าที่ซื้อเป็นชิ้นๆ ใส่ถุงมักจะมีราคาถูกกว่าผักผลไม้ที่ปอกเปลือก หรือบรรจุแพ็คพร้อมกิน
• ทาง ที่ดีคือ ซื้อผลไม้ทั้งผล หรือซื้อผักไปล้างเอง หั่นเองที่บ้าน และที่ไม่ควรลืมคือ ผลไม้ทั้งผลดีกับสุขภาพมากกว่าน้ำผลไม้ เนื่องจากมีเส้นใย (ไฟเบอร์) ที่ช่วยให้อิ่มนาน ไม่หิวง่าย ดูดซับโคเลสเตอรอล ดูดซับสารพิษ และป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่

(1o). อย่าซื้อตอนท้องว่าง
• คนที่กำลังหิวข้าว หรือหิวน้ำอยู่มีแนวโน้มจะซื้อของกินกลับบ้านมากเกิน วิธีที่ดีคือ กินข้าวและดื่มน้ำให้อิ่มพอประมาณก่อนไปชอป (ซื้อของ)

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ตัวการที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก และวิธีรักษากลิ่นปาก

มาแล้วคร้าบบ สาระดีๆๆจากผม มิสเตอร์สไมล์
วันนี้จะมาไขข้อสงสัยที่เหลือกันว่า มีตัวการอะไรอีกที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก และจะมีวิธีรักษากลิ่นปากได้อย่างไร ลองอ่านดูนะครับ

กลิ่นปากจาก ... บุหรี่

บางคนเชื่อว่า การสูบบุหรี่จะช่วยปกปิดกลิ่นปาก ... ไม่จริงเลย เพราะการสูบบุหรี่ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยทั่วไปแล้ว การสูบบุหรี่จะเป็นปัจจัยเสริม ให้เป็นโรคปริทันต์รุนแรงมากขึ้น และยังส่งผลให้มีน้ำเมือกจากโพรงจมูกด้านหลัง ไหลลงคอมากขึ้น ซึ่งทั้งโรคปริทันต์ และการมีน้ำเมือกมาก จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ นอกจากนั้น กลิ่นของบุหรี่เอง จะตกค้างอยู่ในช่องปาก ผสมกับกลิ่นอื่นๆ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเฉพาะของคนที่สูบบุหรี่ขึ้นได้

ใช้น้ำยาบ้วนปากดับกลิ่นได้หรือไม่
การแก้ปัญหามีกลิ่นปาก ด้วยการใช้น้ำยาบ้วนปาก หรือสเปรย์ หรือลูกอมรสมินท์ เป็นการแก้ไขที่ไม่ถูกต้อง และเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมากด้วย เพราะโดยทั่วไป น้ำยาบ้วนปากจะมีส่วนผสมหลัก คือ สารแต่งรส แอลกอฮอล์ และสารต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ และมีหลายชนิดที่มีส่วนผสมของ 0.2% คลอเฮ็กซิดีน ที่ช่วยลดกลิ่นได้ แต่การใช้น้ำยาบ้วนปากผสมคลอเฮ็กซิดีนในระยะยาว จะมีผลเสีย ทำให้เกิดคราบสีที่ฟัน
น้ำยาบ้วนปากจะช่วยลดกลิ่นปากได้ชั่วคราวเท่านั้น เพราะไม่ได้กำจัดสาเหตุที่แท้จริงออกไป ทำให้อาการของโรคถูกปิดบัง จนอาจเกิดอาการรุนแรงได้โดยไม่รู้ตัว และในบางครั้ง กลิ่นของน้ำยาบ้วนปาก อาจผสมกับกลิ่นปาก ทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดของการรักษากลิ่นปากก็คือ การค้นหาและกำจัดโรคที่เกิดขึ้น และการแปรงฟันที่สะอาด อย่างสม่ำเสมอนั่นเอง

แล้วเราจะรักษากลิ่นปากได้อย่างไร
วิธีการจะแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นปาก ให้ได้ผลนั้น ต้องเน้นที่ การดูแลรักษาอนามัยช่องปากให้สะอาด และดูแลรักษาสภาวะในช่องปากให้เป็นปกติ หากมีสภาพของฟันและเหงือกที่เป็นโรค ควรที่จะไปรับการรักษา ในกรณีที่มีฟันเก มีซอกเหงือก หรือร่องเหงือก ที่ทำให้มีเศษอาหารตกค้าง ควรใช้ไหมขัดฟัน ช่วยทำความสะอาดที่บริเวณนี้เพิ่มจากการแปรงฟัน ในส่วนของลิ้นก็ควรแปรงให้สะอาด และแปรงให้ถึงโคนลิ้น ซึ่งมักเป็นแหล่งที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น ในกรณีที่มีปากแห้ง ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ

อย่าลืมนำไปใช้ด้วยนะครับ

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับการเลือกซื้อของ

เคยกันมั้ยครับที่บ่อยๆครั้ง เสื้อที่คุณซื้อ หรือของที่คุณคิดว่าสุดเลิศแต่กลับต้อง วางทิ้งไม่ได้ใช้ สมราคาแสนแพงตอนคุณตัดสินใจซื้อ เพราะความที่ใจเร็วด่วนได้หรือเหตุผลใดก็ตามแต่ แต่ต่อไปนี้รับรองว่าปัญหาแบบนั้นจะหมดไป ลองมาดูเคล็ดลับฉลาดช็อบ เพื่อให้ได้ของถูกใจ และคุ้มค่ากับสตางค์ที่จ่ายไปค่ะ


1. ลองก่อนซื้อ

ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า หรือเสื้อผ้า อย่าดูแค่แบบหรือสีที่ถูกใจ หรืออย่าได้เกรงใจคนขาย รวมทั้งอย่าเชื่อลิ้นลมของพนักงานขาย เพราะเธอก็ต้องการให้คุณตัดสินซื้อ ให้เร็วที่สุดนั่นแหล่ะค่ะ ควรขอลองใส่ก่อนจะจ่ายสตางค์กันค่ะและอย่าลืมใช้กระจก ในห้องลองให้เป็นประโยชน์มากที่สุด สำรวจดูว่า เสื้อผ้าหรือรองเท้าคู่นั้น ทำให้คุณดูดีในทุกท่วงท่าหรือเปล่า


2. จัดทำรายการของที่จะซื้อก่อนไปช้อบ
ลองทำรายการของที่คุณคิดจะซื้อ พร้อมทั้งกะงบคร่าว ๆ และมุ่งตรงไปยังร้านที่คุณ คิดว่ามีสินค้าที่คุณต้องการ เลี่ยงการเดินเรื่อยเปื่อย มักทำให้คุณได้ของที่ไม่ได้ ตั้งใจจะซื้อ และมักเป็นของที่คุณไม่ค่อย มีโอกาสใช้บ่อย ๆ แต่ที่แน่ ๆ อาจเกินงบที่คุณจัดไว้ก็ได้


3. ไปคนเดียว
อย่าลากเพื่อนซื้ ๆ ไปเป็นเพื่อนเลยน่าเพราะหลาย ๆ ความเห็น อาจทำให้คุณสับสน หรือซื้อเพราะแรงยุ แต่อาจจะไม่ใช่ของที่เหมาะกับคุณจริง ๆ


4. พกเงินสด
เครดิตการ์ดน่ะ สะดวกดีหรอกนะครับ แต่ไม่เหมาะสำหรับคนที่หวั่นไหวง่าย หยิบตัวนั้นก็สวย ตัวนี้ก็เท่ เผลอ ๆ ก็เลยเหมามาหมด หากพกเงินสดไปตามที่ตั้งงบไว้ จะได้ตัดใจได้ง่ายขึ้นไงละครับ


5. อย่ารอจนวันสุดท้าย
ถ้าคุณจะไปช็อปปิ้งหาของในช่วงเทศกาลควรไปเสียแต่เนิ่น ๆ นอกจากจะไม่ต้อง ไปคอยเบียดเสียดกับผู้คน ซึ่งมักเฮโลกันไปในวันท้าย ๆ ยังทำให้คุณมีเวลาที่จะเลือกหาของได้ถูกใจกว่า การที่จะต้องรีบ ๆ ซื้อ เพราะเป็นวันสุดท้ายแล้ว

6. เลือกซื้อเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับ
สีสันคลาสสิค ใช้ได้นานไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า หรือรองเท้าโทนสีคลาสสิค เช่น เทา ดำ น้ำตาล น้ำเงิน สามารถใช้ได้นาน ไม่ตกยุค ส่วนประเภทสีสันเจิดจ้า เปรี้ยวจี๊ด มักใช้ได้ไม่นาน แล้วต้องนำไปเก็บรอกระแสของแฟชั่นย้อนกลับมาอีกครั้ง ทางทีดีถ้าคุณมีงบจำกัด ควรเลือกหาแบบเรียบๆ โทนสีคลาสสิค ตัดเย็บประณีต เลือกซื้อของดีกันไปเลย เพราะคุณจะใช้ได้บ่อยครั้ง ส่วนสีสันสด ๆ เอาไว้แต่งเปรี้ยวในบางโอกาส อาจลองหาของที่ราคาย่อมเยาว์ ลงมา


7. นึกถึงความสบายไว้ก่อน
กฎข้อสำคัญในการซื้อเสื้อผ้า ก็คือควรทำให้คุณเคลื่อนไหวตัวได้สะดวกแม้แบบจะสวย ถูกใจแค่ไหน แต่หลังจากคุณอิ่มท้อง ชุดสวยของคุณทำให้อึดอัดไปทั้งตัว เพราะโดนเสื้อผ้ารัดติ้ว จนหายใจไม่ออกล่ะก้อ เชื่อเถอะคุณอาจจะใส่ฉลองชุดใหม่ ของคุณไม่กี่ครั้งหรอกน่า

เลือกซื้อของให้เป็น นอกจากจะทำให้คุณดูสวยเท่ห์ในสไตล์ของตัวคุณเอง ยังทำให้กระเป๋าไม่ฉีกอีกต่างหากนะครับ
วันนี้เราจะพูดมาถึงเรื่องของ กลิ่นปาก กันต่อจากตอนที่แล้วนะครับ คุณๆรู้หรือไม่ว่า " ลิ้น " ก็เป็นส่วนสำคัญเลยนะที่ทำให้เราเกิดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ได้ หากเราไม่ได้รับการรักษาความสะอาดที่ดี ลองอ่านบทความข้างล่างนี้ แล้วคุณอาจจะรู้จัก กลิ่นปาก ของเราได้มากขึ้น

กลิ่นปาก ... เกิดจากลิ้น
กลิ่นปาก ... เกิดจากลิ้น เป็นไปได้หรือเปล่า ?
กลิ่นเหม็นจากช่องปาก บางครั้งเกิดขึ้นได้จากโคนลิ้นด้านในสุด เนื่องจากมีน้ำเมือในช่องจมูกไหลลงคอ การเกิดภาวะเช่นนี้ ไม่จำเป็นว่า จะเกิดจากการเจ็บป่วย หรือเป็นโรค แต่มักจะมีสาเหตุมาจาก อาการของภูมิแพ้มากกว่า น้ำเมือกที่ไหลลงคอ ที่โคนลิ้นในระยะแรกๆ จะไม้ทำให้เกิดกลิ่นปาก สัก 2-3 วัน แบคทีเรียจะมาย่อยน้ำเมือก ทำให้เกิดกลิ่น เราสามารถทดสอบกลิ่น โดยใช้ซ้อนพลาสติกขูดเบาๆ ที่ด้านในสุดของลิ้น ปล่อยทิ้งไว้สักครู่ จึงดมดู มีข้อสังเกตในกรณีคนที่มีกลิ่นปากจากสาเหตุนี้ เวลาเป่าปากจะไม่ค่อยได้กลิ่น แต่กลิ่นจะเหม็นเมื่อเริ่มพูด เนื่องจากมีลมผ่านลิ้นที่เคลื่อนไหว จึงมีกลิ่นมากขึ้น ดังนั้น จึงควรแปรงลิ้นหลังการแปรงฟันทุกครั้ง และแปรงให้ลึกถึงโคนลิ้น จะช่วยทำความสะอาดน้ำเมือกตกค้าง ที่ทำให้เกิดกลิ่นปากได้

กลิ่นปากจาก ... บุหรี่
บางคนเชื่อว่า การสูบบุหรี่จะช่วยปกปิดกลิ่นปาก ... ไม่จริงเลย
เพราะการสูบบุหรี่ นอกจากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพโดยทั่วไปแล้ว การสูบบุหรี่จะเป็นปัจจัยเสริม ให้เป็นโรคปริทันต์รุนแรงมากขึ้น และยังส่งผลให้มีน้ำเมือกจากโพรงจมูกด้านหลัง ไหลลงคอมากขึ้น ซึ่งทั้งโรคปริทันต์ และการมีน้ำเมือกมาก จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นปากได้ นอกจากนั้น กลิ่นของบุหรี่เอง จะตกค้างอยู่ในช่องปาก ผสมกับกลิ่นอื่นๆ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเฉพาะของคนที่สูบบุหรี่ขึ้นได้

จะรู้ได้อย่างไร ว่า ... ปากมีกลิ่น
คนส่วนใหญ่ มักไม่รู้ตัวว่ามีกลิ่นปาก หรือไม่ วิธีการทดสอบง่ายๆ โดยทั่วไป มักจะใช้วิธี การเอามือปิดปาก และจมูก เป่าลมแรงๆ ออกจากปาก และดม ซึ่งบางคนก็สามารถบอกได้ว่า มีกลิ่นปากหรือไม่ หรือจะใช้วิธีเลียที่ข้อมือ และดมดู ในบางคนอาจจะใช้นิ้วถูที่บริเวณเหงือก แล้วนำมาดมกลิ่นว่า เหม็นหรือไม่ ในส่วนการใช้เครื่องมือตรวจวัดกลิ่นนั้น ญี่ปุ่นเคยทำไว้ แต่ก็มีข้อสงสัยว่า เครื่องนั้นสามารถตรวจได้ถูกต้องหรือไม่ จึงไม่เป็นที่นิยมใช้ วิธีการที่จะทราบว่า เรามีกลิ่นปากอยู่เป็นประจำหรือไม่ ก็ควรขอร้องคนใกล้ชิด เช่น สมาชิกในครอบครัว ให้ช่วยบอกความจริง จะเป็นวิธีการที่จะทราบว่า มีกลิ่นปากหรือไม่

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

กลิ่นปาก ... เกิดจากอะไร

อยากรู้กันมั้ยครับว่าคนเรามีกลิ่นปากกันได้ไง มันเกิดจากอะไร ผมเลยไปหาข้อมูลมา ลองอ่านกันดูนะครับ เพราะกลิ่นปากอย่ามองเป็นปัญหาเล็กๆนะครับ เพราะบางครั้งแค่มีกลิ่นปากก็ทำห้เราเสียโอกาสดีๆได้นะคับ

กลิ่นปาก ... เกิดจากอะไร

กลิ่นปาก เป็นปัญหาหนึ่งที่สร้างความกังวลใจ และความรู้สึกไม่มั่นใจ สำหรับหลายๆ คน แม้ว่าจะพยายามใช้น้ำยาบ้วนปาก ยาอม หรือสเปรย์ดับกลิ่นปาก ก็ให้ผลแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ถ้ายังไม่ได้รับการแก้ไขที่สาเหตุที่ถูกต้อง กลิ่นปากก็ยังคงอยู่

กลิ่นเหม็นจากปาก เกิดขึ้นได้คล้ายๆ กับกลิ่นเหม็นที่เกิดจากส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นผลมาจาก แบคทีเรียกลุ่มที่ทำให้เกิดการย่อยสลาย โดยไม่ต้องการอากาศ ซึ่งมีอยู่หลายชนิด แบคทีเรียเหล่านี้ ทำให้เกิดการเน่า และเกิดสารระเหยของซัลเฟอร์ คือ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ และเม็ททิล เมอร์แคปแทน มีคุณสมบัติทำให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น แบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุนี้ จะมีอยู่ตามปกติในช่องปาก

ดังนั้น ในบริเวณใด ที่มีเศษอาหารตกค้าง แบคทีเรียก็ทำให้เกิดการบูดเน่า และเกิดกลิ่นเหม็นขึ้นได้ มีคนเคยศึกษา โดยวิธีการดมกลิ่นเหม็นจากช่องปาก สามารถแยกกลิ่นเหม็นได้แตกต่างกัน 4 แบบ คือ กลิ่นที่มาจากด้านหลังของลิ้น กลิ่นของโรคปริทันต์ ซึ่งมักมาจากบริเวณใต้เหงือก และซอกเหงือก กลิ่นที่มาจากฟันปลอม และกลิ่นที่เกิดจากการสูบบุหรี่

ปัจจัยเสริม ที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก

กลิ่นปากเกิดได้กับทุกบริเวณในช่องปาก ที่มีเศษอาหารตกค้าง แล้วเกิดการเน่าเสีย เกิดกลิ่นเหม็นขึ้น ดังนั้น อะไรก็ตามที่มีผลให้มีเศษอาหารตกค้างหมักหมม ก็จะทำให้เกิดกลิ่นปากได้ บริเวณที่จะพบบ่อยๆ คือ ที่ลิ้น ร่องเหงือก ใต้ขอบเหงือก ส่วนอื่นที่สามารถพบได้อีก คือ บริเวณที่อุดฟัน ครอบฟันไม่พอดี การเป็นโรคปริทันต์ เหงือกอักเสบ มีฟันผุรูกว้าง ฟันปลอมชนิดถอดได้ ทำให้มีเศษอาหารตกค้างในบริเวณดังกล่าว จึงเป็นต้นเหตุที่สำคัญ ที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก โดยเฉพาะในคนที่ใส่ฟันปลอมในขณะนอน การหลั่งของน้ำลายมาก น้อย ก็ส่งผลต่อการเกิดกลิ่นปากได้ ตัวอย่างเช่น ในช่วงเวลาที่เราอดอาหาร การหลั่งน้ำลายจะลดลง ก็จะส่งผลให้มีกลิ่นปากขึ้น ในภาวะที่เคี้ยวอาหาร จะช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำลายมากขึ้น ส่งผลต่อการทำความสะอาดในช่องปาก กลิ่นปากก็ลดลง นอกจากนี้ ยังพบว่า ในคนที่สูบบุหรี่ จะมีกลิ่นบุหรี่ติดค้างในช่องปาก ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเฉพาะได้

สมุนไพรเพื่อความงาม

หากพูดถึง “ความงาม” แล้ว คุณผู้หญิงหรือท่านผู้ชายก็คงจะไม่ปฏิเสธว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัจจัยอื่นในการดำรงชีวิต แต่ถ้าเราจะมองกันไปแล้ว “ความงาม” นั้นจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อตัวของเรามีสุขภาพจิตและสุขภาพกายดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน โดยปกติสุขภาพจะดีมาก-น้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อม การรับประทานอาหาร และการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข เมื่อร่างกายกินได้ ถ่ายคล่อง ผิวพรรณดี และสุขภาพแจ่มใส ” ความงาม” ก็จะบังเกิดขึ้นได้อย่างไม่ต้องสงสัย

สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวหน้า

ใบหน้า คือ ด่านแรกที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดใจของผู้พบเห็น แต่หลายๆคนกำลังประสบปัญหาผิวหน้าไม่เรียบสวย เพราะเม็ดสิวและรอยแห้งกร้านด้วยจุดด่างดำของกระและฝ้า จนต้องเสียเงินทองมากมายเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม หรือหาซื้อยามารักษา จึงอยากแนะนำให้ใช้สมุนไพรพืชผักและผลไม้ที่มีอยู่ทั่วไป แต่มีคุณประโยชน์มากมายทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวธรรมชาติที่ช่วยดูแลผิวพรรณให้ชุ่มชื้นผ่องใสอ่อนไวอยู่เสมอ
1. ว่านหางจระเข้ (Aloe indica Royle)
คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า มีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางหลายอย่าง ที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติสามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึม ทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้น ว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้ เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่า ว่านหางจระเข้มีส่วนช่วย ให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิว และลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
การใช้ว่านหางจระเข้ เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออก ใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใส ที่อยู่ภายใน ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้ ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่า ตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาว ของว่านหางจระเข้ ทาตรงบริเวณโคนหู แล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดง แสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว
นอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้าน และลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวมัน ก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้ง ก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้

2. งา (Sesamum indicum Linn. S. orientle. L)
เป็น พืชล้มลุก ให้เมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดงามีทั้งสีดำ และสีขาว ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ ประมาณ 45-54% น้ำมันงามีกลิ่นหอมน่ารับประทาน วิธีใช้ โดยการนำเอาเมล็ดงาสด มาบีบน้ำมันงาออก โดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนัง เพื่อบำรุงผิวพรรณ ให้ผุดผ่อง ช่วนประทินผิวให้นุ่มนวล ไม่หยาบกร้าน

3. แตงกวา (Cucumis sativas Linn.)
จะ มีวิตามินสูง ในผลแตงกวายังมีเอ็นไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอ็นไซม์ชนิดนี้ จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่ม เกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสด ผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาด แทนน้ำแตงกวา ปัจจุบัน มีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช้วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพร ที่หาง่าย มีประโยชน์ ราคาถูก ใช้ติดต่อกับเป็นประจำ จะทำให้สวนสดชื่น มีน้ำมีนวล

4. มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.)
ในมะเขือเทศ จะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุก จะมีสาร licopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อรา และแบคทีเรีย และน้ำมะเขือเทศสด นำมาพอกหน้า จะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้

5. ขมิ้นชัน (Curcuma Longa Linn.)
ในขมิ้น จะมีสาร Curcumin และมีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัว เพื่อให้มีสีเหลืองทอง ใช้บำรุงผิว และช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิด ได้อีกด้วย

6. น้ำผึ้ง (Apis dorsata)
ได้จากผึ้ง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส ฟรุคโตส ขี้ผึ้ง อัลบูมินอยด์ ละอองเกสรดอกไม้ และฮอร์โมนเอสโตรเจน จำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบ ของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้า ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้ง เป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติ ที่ให้ประโยชน์สูง และหาง่าย นอกจากนี้ ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจน จะช่วยบำรุงหนังศีรษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม

7. มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn)
มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขาม จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบัน ได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่น และนมสดให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิว ให้นุ่มได้

สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับผิวกาย
ผิวกาย จะเปล่งปลั่งนุ่มนวลไร้รอยกร้าน และรอยหมองคล้ำ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อาหารการกิน การออกกำลังกาย และยังมีการถนอมผิว บำรุงผิวอีกหลายๆรูปแบบ สมุนไพรพื้นๆ ที่มีอยู่ทั่วๆไปเอามาใช้บำรุงผิว ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีจึงอยากบอกต่อ รับรองว่าผิวคุณจะสวยขึ้นแน่นอน
สมุนไพรเพื่อความงามสำหรับเส้นผม
ทรงผม หรือ เส้นผม เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นได้ สิ่งที่ควรคำนึงในหารดูแลเส้นผม ได้แก่ อาหารจำพวกโปรตีนที่ได้จากเนื้อ นม ไข่ ฯลฯ และวิตามิน A,C,E,B5 ที่ได้จากผลไม้ต่างๆและธัญพืช จำพวกถั่ว งา ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ฯลฯ

เป็นไงกันบ้างครับ ยังไงก็ลองนำไปใช้กันได้นะครับ ผมไม่หวงความรู้